อัพเดทข่าวเด็ดวงการฟุตบอลให้ท่านได้รู้ตื้นลึกหนาบาง ข่าวฟุตบอล แง้มแฟ้มประวัติ “โจ โคล” อดีตกองกลางฝีมือดีแห่งวงการฟุตบอลอังกฤษ

แง้มแฟ้มประวัติ “โจ โคล” อดีตกองกลางฝีมือดีแห่งวงการฟุตบอลอังกฤษ


“โจ โคล” อดีตกองกลางของทีมชาติอังกฤษ และ เชลซี ได้ประกาศอำลาวงการค้าแข้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยวัย 37 ปี ด้วยรูปร่างที่พริ้วไหวที่คล่องตัว การตัดสินใจที่เฉียบคม
และลีลาฝีเท้าที่ดีเกินตัว ในวงการฟุตบอลอังกฤษเมืองผู้ดีในสมัยนั้น ซึ่งหาผู้เล่นประเภทนี้ได้ยากมากจน “โจ โคล” ได้ถูกยกให้เป็น “แกซซ่า [พอล แกสคอยน์] คนต่อไป”
หลังประเดิมสนามให้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 17 ปี และสวมปลอกแขนกัปตันทีม “ขุนค้อน” ในอีก 4 ปีต่อมา จนเจ้าตัวเป็นแข้งเนื้อหอมเบอร์ต้น ๆ ในวงการลูกหนังผู้ดีในเวลานั้นเลยทีเดียว

“มันเหมือนฝันที่เป็นจริง ผมหวังว่า 2 ทศวรรษต่อจากนี้จะสุดวิเศษในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ” และจากนั้นเป็นสโมสรฟุตบอลชื่อดัง เชลซี ที่ได้ตัวของ โคล ไปครองในปี 2003
ซึ่งเวลานั้น “สิงห์บลู” ถูกเทคโอเวอร์จาก “เสี่ยหมี” โรมัน อับราโมวิช ที่ทุ่มทุนสร้างกวาดผู้เล่นมากหน้าหลายตามาร่วมทัพในปีแรกที่เข้ามา

“โจ โคล” เมื่ออยู่กับ เชลซี สามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก และ เอฟเอ คัพ ได้ถึง 3 สมัย, ลีก คัพ และ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2 สมัย ตลอดระยะ 7 ปีในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์
โดยลงเล่นกว่า 280 เกม ยิงได้ 410 ประตู กับอีก 42 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ

“ถ้วยแชมป์ที่ผมได้กับ เชลซี เป็นอะไรที่พิเศษสำหรับผม ความทรงจำเหล่านี้จะอยู่กับผมตลอดไป”

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับทีมจากลอนดอน โคล ก็ได้ตัดสินใจย้ายมาเล่นให้กับทีมฟุตบอลดังอย่างเช่น ลิเวอร์พูล แบบไม่มีค่าตัว
อย่างไรก็ดี เขาไม่สามารถกู้ฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาได้ จนสุดท้ายโดนปล่อยยืมตัวและย้ายกลับไปเล่นกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อีกคำรบแบบถาวรในปี 2013

ที่ เวสต์แฮม โคล ใช้เวลาเพียงฤดูกาลเดียว ก่อนย้ายไปเล่นให้ แอสตัน วิลล่า และ โคเวนทรี ในเวลาต่อมาจนตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลมาเล่นในลีกแกนลุงแซมกับ
แทมปา เบย์ โรว์ดีส์ ในปี 2016 และตัดสินใจประกาศเลิกเล่นฟุตอบลในอีก 2 ปีต่อมา ในส่วนของ ทีมชาติอังกฤษ เจ้าตัวผ่านการเล่นในศึก ฟุตบอลโลก ปี 2002, 2006
และ 2010 ยิง 10 ประตู จาก 56 เกมที่ลงเล่นระหว่างปี 2001 ถึง 2010

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Post

เชลซีเก็บชัยในศึกยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก หลังเอาชนะพานาธิไนกอส

เชลซีเก็บชัยในศึกยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก หลังเอาชนะพานาธิไนกอส พร้อมไว้อาลัยให้จอร์จ บัลด็อคเชลซีเก็บชัยในศึกยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก หลังเอาชนะพานาธิไนกอส พร้อมไว้อาลัยให้จอร์จ บัลด็อค

เชลซีคว้าชัยชนะอย่างน่าประทับใจด้วยสกอร์ 4-1 เหนือพานาธิไนกอส (Panathinaikos) ในการแข่งขันยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก (Europa Conference League) ซึ่งถือเป็นค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความหมาย ทั้งในด้านผลการแข่งขันและอารมณ์ความรู้สึกอันลึกซึ้ง หลังจากที่ทีมเจ้าบ้านร่วมไว้อาลัยให้กับ จอร์จ บัลด็อค (George Baldock) อดีตกองหลังผู้ล่วงลับ ซึ่งเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 31 ปี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ชัยชนะครั้งนี้ทำให้เชลซียังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีและเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับทีมได้อย่างมาก ก่อนการแข่งขันจะเริ่ม นักเตะพานาธิไนกอสสวมเสื้อที่มีหมายเลข 32 ซึ่งเป็นหมายเลขของบัลด็อคลงสนามเพื่อเป็นการระลึกถึงเขา ขณะเดียวกันนักเตะเชลซีก็แสดงความเคารพด้วยการถือเสื้อที่มีชื่อและหมายเลขของบัลด็อค ก่อนที่จะมีการชูป้ายหมายเลข 32

แมตสำคัญของแมนยู ในเกม UCLแมตสำคัญของแมนยู ในเกม UCL

เกม UCL รอบแบ่งกลุ่ม เดินทางมาถึงเกมที่สองกันแล้ว ซึ่งต้องบอกกันตามตรงว่า เกมนัดนี้แฟนแมนยู อาจจะต้องจับตาให้ดี เพราะมันมีความสำคัญมาก หลังจากเกมแรกพวกเค้าได้ผลการแข่งขันตามที่ต้องการ นั่นก็คือ การเอาชนะ PSG ทีมเต็งประจำกลุ่มไปได้ เกมที่สองพวกเค้าจะไปเจอกับ แอร์เบ ไลป์ซิก เกมที่กำหนดทิศทางของกลุ่ม เกมนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างมาก เพราะว่ารอบแบ่งกลุ่มจะเล่นกันทั้งหมด 6 เกม เจอกันหมดแบบเหย้าเยือ เกมที่สองถือว่าเป็นเกมที่จะกำหนดทิศทางของกลุ่มได้เหมือนกันในช่วงแรก ยิ่งเกมแรกมีผลแพ้ชนะมาด้วย นั่นทำให้เกมนี้แมนยูเจอกับไลป์ซิก ถ้าใครชนะจะมี 6

อาร์เซนอล พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

อาร์เซนอล พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้อาร์เซนอล พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

อาร์เซนอล พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปฏิเสธความบาดหมางกับมิเกล อาร์เตต้า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) ยืนยันว่าไม่มีความบาดหมางเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมิเกล อาร์เตต้า (Mikel Arteta) แม้ว่าจะมีการแข่งขันดุเดือดระหว่างทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) และอาร์เซนอล (Arsenal) หลายครั้ง กวาร์ดิโอล่าและอาร์เตต้าทำงานร่วมกันที่สนามเอติฮัด สเตเดียม เป็นเวลา 3 ปีครึ่ง ก่อนที่อาร์เตต้าจะรับหน้าที่คุมทีมอาร์เซนอลในปี 2019