อัพเดทข่าวเด็ดวงการฟุตบอลให้ท่านได้รู้ตื้นลึกหนาบาง ข่าวฟุตบอล แอตเลติโก มาดริด แซงชนะ บาร์เซโลนา ทะยานขึ้นจ่าฝูง ลา ลีกา

แอตเลติโก มาดริด แซงชนะ บาร์เซโลนา ทะยานขึ้นจ่าฝูง ลา ลีกา

แอตเลติโก มาดริด

ตัวสำรอง อเล็กซานเดอร์ ซอร์ลอธ (Alexander Sorloth) ทำประตูชัยในช่วงทดเจ็บ พา แอตเลติโกมาดริด พลิกแซงชนะ บาร์เซโลนา ขึ้นแทนที่พวกเขาในจ่าฝูง ลา ลีกา เปดรี (Pedri) เป็นผู้ทำประตูแรกให้ บาร์เซโลนา ในนาทีที่ 30 จากการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมชาติ สเปน กาวี (Gavi) ก่อนจะยิงด้วยลูกกราดต่ำผ่านมือของ ยาน โอบลัค (Jan Oblak)

แม้จะครองเกมได้เหนือกว่า แต่เจ้าบ้านไม่สามารถรักษาสกอร์ไว้ได้ และ โรดริโก เด เปาล์ (Rodrigo De Paul) ก็ซัดประตูตีเสมอในนาทีที่ 60 หลังจากฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของ มาร์ค คาซาโด (Marc Casado) บาร์เซโลนา ต้องมาเสียดายโอกาสทำประตูหลายครั้ง เมื่อ ซอร์ลอธ (Sorloth) ซัดบอลจากการครอสของ นาอูเอล โมลินา (Nahuel Molina) ในนาทีที่ 96 ส่งให้ แอตเลติโก คว้าชัยชนะเป็นนัดที่ 12 ติดต่อกันในทุกรายการ

 

ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ แอตเลติโก จะจบปี 2024 ในฐานะทีมอันดับ 1 ของ สเปน นำ บาร์เซโลนา อยู่ 3 คะแนน โดยที่ บาร์ซา แข่งมากกว่าหนึ่งนัด

 

ทีมของ ฮันซี ฟลิค (Hansi Flick) อาจร่วงลงไปอยู่อันดับ 3 หาก เรอัล มาดริด เอาชนะ เซบีญา ได้ในวันอาทิตย์ การแข่งขันฟุตบอล ลา ลีกา นัดสำคัญประจำสัปดาห์ระหว่าง บาร์เซโลนา และ แอตเลติโก มาดริด ณ โอลิมปิค มอนจูอิค sbobet 777จบลงด้วยชัยชนะของทีมเยือนแบบสุดระทึก โดยเป็นการพลิกแซงในช่วงท้ายเกม เริ่มต้นครึ่งแรก บาร์เซโลนา ภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาว เยอรมัน ฮันซี ฟลิค (Hansi Flick) เปิดฉากได้อย่างยอดเยี่ยม ควบคุมเกมได้เหนือกว่า และสร้างโอกาสทำประตูได้หลายครั้ง จนกระทั่งนาทีที่ 30 จากจังหวะการผสมเกมอันยอดเยี่ยมระหว่าง เปดรี (Pedri) และ กาวี (Gavi) สองมิดฟิลด์ดาวรุ่งทีมชาติ สเปน จบด้วยการยิงอย่างเฉียบขาดของ เปดรี (Pedri) ส่งบอลผ่านมือ ยาน โอบลัค (Jan Oblak) นายทวารมือหนึ่งของ แอตเลติโก มาดริด เข้าประตูไป แม้จะได้ประตูขึ้นนำ sbobet 777 แต่ บาร์เซโลนา ก็ยังคงเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง สร้างโอกาสทำประตูได้มากมาย แต่ก็ไม่สามารถเพิ่มสกอร์ได้ จนกระทั่งในนาทีที่ 60 จากความผิดพลาดในการเล่นบอลของ มาร์ค คาซาโด (Marc Casado) กองกลางดาวรุ่งของ บาร์ซา โรดริโก เด เปาล์ (Rodrigo De Paul) กองกลางทีมชาติ อาร์เจนตินา ฉวยโอกาสยิงประตูตีเสมอให้ แอตเลติโก มาดริด

 

หลังจากโดนตีเสมอ บาร์เซโลนา พยายามเร่งเครื่องหาประตูที่สอง แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบขาดพอ ในขณะที่ แอตเลติโก มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ ดิเอโก ซิเมโอเน (Diego Simeone) รอโอกาสโต้กลับอย่างอันตราย จนกระทั่งนาทีที่ 96 ของการแข่งขัน จากจังหวะโต้กลับที่รวดเร็ว นาอูเอล โมลินา (Nahuel Molina) แบ็คขวาทีมชาติ อาร์เจนตินา เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ และเป็น อเล็กซานเดอร์ ซอร์ลอธ (Alexander Sorloth) กองหน้าตัวสำรองชาว นอร์เวย์ วิ่งเข้ามายิงอย่างเด็ดขาด พา แอตเลติโก มาดริด พลิกแซงเป็น 2-1

ชัยชนะในนัดนี้ นอกจากจะเป็นชัยชนะนัดที่ 12 ติดต่อกันในทุกรายการของ แอตเลติโก มาดริด แล้ว ยังส่งผลให้พวกเขาก้าวขึ้นไปนำจ่าฝูง ลา ลีกา ด้วยการนำ บาร์เซโลนา 3 คะแนน โดยที่ บาร์ซา แข่งมากกว่าหนึ่งนัด และอาจจะร่วงลงไปอยู่อันดับ 3 หาก เรอัล มาดริด สามารถเอาชนะ เซบีญา ได้ในเกมวันอาทิตย์

การพ่ายแพ้ในนัดนี้ถือเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ของ บาร์เซโลนา และ ฮันซี ฟลิค (Hansi Flick) ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งกุนซือคนใหม่ เนื่องจากพวกเขาทำผลงานได้ดีตลอดทั้งเกม แต่กลับพลาดท่าในช่วงท้าย ในขณะที่ แอตเลติโก มาดริด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและจิตวิญญาณนักสู้ที่ยอดเยี่ยม พลิกสถานการณ์คว้าชัยชนะได้อย่างน่าประทับใจ

 

บาร์ซ่าต้องเสียดายโอกาสทำประตูที่พลาดไป

 

บาร์เซโลน่า เคยนำ แอตเลติโก มาดริด 10 แต้มในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน แต่ฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ และชัยชนะต่อเนื่องของทีมภายใต้การคุมทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ (Diego Simeone) ทำให้ แอตเลติโก แซงหน้าคู่แข่งขึ้นมาได้ แอตเลติโก มาถึง เอสตาดิ โอลิมปิก ยูอิส ด้วยคะแนนเท่ากันกับเจ้าบ้าน โดยรู้ดีว่าชัยชนะในนัดนี้จะทำให้พวกเขาขึ้นนำจ่าฝูง ลา ลีกา ในการเข้าสู่ปี 2025 พวกเขาเล่นได้ด้อยกว่าเกือบตลอดทั้งเกม และต้องรับมือกับการโจมตีอย่างหนักจาก บาร์เซโลน่า ตลอดทั้งคืน

กาวี่ (Gavi) น่าจะโหม่งให้เจ้าบ้านขึ้นนำในนาทีที่ 25 เมื่อเขาไม่มีผู้เล่นคอยประกบและได้โอกาสจากลูกครอสของ ราฟินญ่า (Raphinha) แต่เขาก็ยิงไม่ตรงกรอบจากระยะประชิด

กองกลางทีมชาติสเปนได้ไถ่โทษตัวเองในเวลาต่อมา เมื่อเขาจ่ายบอลส้นให้ เปดรี้ (Pedri) ยิงประตูขึ้นนำ ขณะที่ ฟลิค (Flick) ต้องรับโทษแบนคุมทีมข้างสนามเป็นเกมที่สอง และต้องชมเกมจากอัฒจันทร์ บาร์เซโลน่า ยังคงบุกอย่างต่อเนื่องในครึ่งหลัง เฟร์มิน โลเปซ (Fermin Lopez) ถูก โอบลัค (Oblak) เซฟได้อย่างยอดเยี่ยม และ เปดรี้ ยิงเหนือคานไป ขณะที่ ราฟินญ่า ยิงโด่งชนคานด้วยลูกชิพบอล ก่อนจะพลาดโอกาสยิงในจังหวะดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตู

 

แต่เจ้าบ้านต้องมาเสียดายโอกาสที่พลาดไป เมื่อ เด เปาล์ (De Paul) วิ่งเข้ามายิงจากจังหวะที่ กาซาโด้ (Casado) เตะบอลส้นพลาด บอลพุ่งเสียบมุมล่าง และ บาร์เซโลน่า ที่แพ้ในลีกเหย้าสามนัดติดต่อกัน ต้องช็อกเมื่อ ซอร์ลอธ (Sorloth) ยิงประตูชัยในช่วงท้ายเกม และการเฉลิมฉลองของ แอตเลติโก ดำเนินต่อไปจนกระทั่งนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Post

เจมี่ วาร์ดี้ กับความสามารถพิเศษที่ทำให้เขาเหนือกว่าโดมินิก โซลันเก้

เจมี่ วาร์ดี้ กับความสามารถพิเศษที่ทำให้เขาเหนือกว่าโดมินิก โซลันเก้ในเกมเลสเตอร์เสมอสเปอร์สเจมี่ วาร์ดี้ กับความสามารถพิเศษที่ทำให้เขาเหนือกว่าโดมินิก โซลันเก้ในเกมเลสเตอร์เสมอสเปอร์ส

เกมพรีเมียร์ลีก (Premier League) ที่คิง เพาเวอร์ สเตเดียมเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ไม่มีวันหมดอายุของ เจมี่ วาร์ดี้ (Jamie Vardy) นักเตะวัย 37 ปีของเลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City)ในเกมที่เสมอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (Tottenham Hotspur) 1-1 โดยเขาทำประตูตีเสมอในครึ่งหลัง ซึ่งเป็นการยิงประตูที่ 104 ของเขาหลังจากอายุ 30 ปี เป็นอีกครั้งที่วาร์ดี้พิสูจน์ตัวเองว่าเขายังคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีค่าที่สุดของเลสเตอร์ แม้ว่าอายุจะมากขึ้นก็ตาม

5 ประเด็นเด่นที่น่าติดตามเมื่อพรีเมียร์ลีกกลับมา (1)

5 ประเด็นเด่นที่น่าติดตามเมื่อพรีเมียร์ลีกกลับมา5 ประเด็นเด่นที่น่าติดตามเมื่อพรีเมียร์ลีกกลับมา

พรีเมียร์ลีกกลับมาลงสนามอีกครั้งในสุดสัปดาห์นี้ หลังจากหยุดพักไปจากโปรแกรมทีมชาติหลายครั้ง ตั้งแต่เดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ซึ่งการกลับมาครั้งนี้จะไม่มีการหยุดชะงักอีกจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า พร้อมกับการเข้าสู่ช่วงโปรแกรมการแข่งขันที่แน่นหนาในช่วงเทศกาลปลายปี 1. ลิเวอร์พูล (Liverpool) ฟอร์มร้อนแรงภายใต้การนำของ อาร์เน สลอต (Arne Slot) ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของอาร์เน สลอตกำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยปัจจุบันรั้งจ่าฝูงทั้งในพรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลนี้พวกเขาทำแต้มหลุดมือไปเพียง 2 นัด และมีคะแนนนำหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ถึง 5 คะแนน ลิเวอร์พูลมีเป้าหมายสำคัญในการรักษาตำแหน่งจ่าฝูงก่อนเข้าสู่เกมสำคัญที่จะเปิดบ้านพบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในวันที่

การบ้านของ เชลซีการบ้านของ เชลซี

ต้องยอมรับตามตรงว่าการที่พวกเค้าสามารถทะลุไปได้ถึง รอบชิงชนะเลิศก็ว่ายอดเยี่ยมแล้ว จากการพาทีมครึ่งซีซั่นหลังแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่เท่านั้นการพาทีมได้แชมป์ UCL ทำให้ซีซั่นนี้พวกเค้าต้องใช้คำว่า ประสบความสำเร็จได้เลยทีเดียว แน่นอนว่าที่ต้องชาบูเลย ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมไม่ได้ซื้อนักเตะใหม่เข้ามาสักคน เข้ามาทำทีมนักเตะเดิมนี่แหละ เลยไม่แปลกที่หลายคนจะชาบูเค้าถึงผลงานครั้งนี้ แต่ว่าตอนนี้พวกเค้าเองก็ต้องมีการบ้านเพื่อยกระดับตัวเองในการป้องกันแชมป์ UCL ด้วยเหมือนกัน รวมถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคด้วย การดึงศักยภาพของ แวร์เนอร์ ซีซั่นที่แล้ว ตลาดหน้าร้อนของเชลซีถือว่าบ้าคลั่งมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าพวกเค้ายังไม่ได้ใช้เงินจากการขายนักเตะตัวหลักของทีมอย่างเอแดน อาซาร์ เลย แถมยังโดนแบนอีกทำให้เงินในคลังเหลือเยอะมาก การนำเข้าสองสตาร์ดูโอ้เยอรมันอย่าง ไค ฮาร์แวตช์ และ ติโม แวร์เนอร์ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี